เรื่องรักเบอร์ห้า
คนบางคนผ่านมาแต่ไม่ผ่านไป...ยืนยัน---LIF
จากบล็อกของคุณ I am just fine^^
บทความ/รวมเรื่องจากคอลัมน์
เรื่องรักเบอร์ห้า
‘ปราย พันแสง
สำนักพิมพ์มติชน
จำนวนหน้า 160
ราคา 120 บาท
หนังสือในโครงการ LIF List No.2
แว่บแรกที่เห็นหนังสือเล่มนี้คือ หน้าตาสวย ชื่อคนเขียนเป็นที่คุ้นเคย และคำโปรยที่ได้ใจฉันไปเต็มๆ “คนบางคนผ่านมา แต่ไม่ผ่านไป...ยืนยัน” ฉันก็ขอยืนยันด้วยอีกคน แถมยังทำให้เราเป็นได้มากกว่าที่เคยเป็นเสียอีก
ฉันเคยถามเพื่อนคนหนึ่งว่า เคยแหกขนบของชีวิตหรือไม่ การแหกขนบชีวิตหมายถึงกระทำการบางอย่างซึ่งเราไม่คิดว่าชีวิตนี้จะสามารถทำเรื่องบ้าๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ (คนอื่นมองว่า) น่าอาย
แต่ถ้าเรากล้าแหกขนบบางอย่างที่เราเป็นคนตั้งขึ้นเอง แปลว่ามันต้องมีเหตุผลดีๆ หรือบางทีก็อาจไม่มีเหตุผลสักนิดเลยก็เป็นได้ ซึ่งการผ่านมาของใครบางคนทำได้แหกขนบหลายครั้งแม้ว่าเขาจะผ่านไปแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกดีๆ มันก็ยังคงเหลืออยู่
ส่วนหนึ่งของคำนำ ‘ปราย พันแสง เขียนไว้ว่า “คนเราเมื่อแก่ตัวลงไป เราจะระวังตัว ระวังใจมากขึ้น เราจะไม่รักใครเหมือนตอนเด็กๆ ได้อีกแล้ว เราจะรักคนได้ยากขึ้น ยากขึ้น นั่นเป็นเพราะเรารักตัวเองมากขึ้นนั่นเอง ไม่ใช่อะไรอื่น” จริงไหม ไม่รู้สิ แต่จะว่าไป ฉันก็ยังไม่ได้รู้สึกรักใครอย่างมีความสุขมานานแล้วเหมือนกัน พักหลังๆ จะถูกตาต้องใจใครสักคนนี่แสนลำบาก ไม่ใช่เพราะฉันแก่ขึ้นแล้วรักตัวเองมากขึ้นหรอก แต่เป็นเพราะฉันมีเงื่อนไขข้อแม้มากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลก
ฉันจะต้องตรึกตรองหาเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเองทุกครั้งไป ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน ฉันสามารถโทรไปหาคนที่ฉันรู้สึกดีด้วย แล้วก็พูดจารุกล้ำความเป็นส่วนตัวโดยที่ไม่ระวังเลยว่าฉันจะได้อะไรกลับมา รักหรือเกลียดจากเขาฉันก็ไม่สน อารมณ์แต่ก่อนจะเป็นว่า “ก็ถ้าฉันรักเธอ ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยสักนิด นี่มันเป็นธุระของฉันที่ฉันต้องการจัดการด้วยตัวเอง”
หนังสือเล่มนี้พูดถึงนักเขียนที่ ‘ปราย พันแสง เคยแปลผลงานของพวกเขา รวมทั้งเรื่องสั้นขนาดเล็กที่เธอแปลและนำมาให้อ่าน ซึ่งล้วนแต่โดนใจ
นักเขียนหญิงชาวโปแลนด์ที่ชื่อว่า “วิสวาวา ซิมโบร์สกา” ซึ่งฉันเองก็แค่คุ้นๆ ชื่ออยู่บ้าง เพื่อนเคยพูดถึงให้ฟังแต่ฉันไม่สนใจจำ ก็เพราะฉันไม่ใช่นักศึกษาเอกวรรณคดีอังกฤษนี่นา ชื่อกวีและนักเขียนต่างประเทศที่ฉันรู้จักจึงเป็นจำนวนที่นิ้วมือและเท้าของฉันพอจะรับไหว
โดยเฉพาะบทกวี Love at first sight รวมทั้งเรื่องราวของกวีหญิงคนนี้ซึ่งทำให้นักวิจารณ์สงสัยว่าเพราะอะไรกวีหญิงผู้ที่แสนขี้อาย และถ่อมตัวคนนี้จึงได้รางวัลโนเบล และแน่นอนว่าบทกวีเกี่ยวกับเรื่องหยุมหยิมมีอิทธิพลต่อโลกเช่นไร
อีกคนก็คือ Jimmy Liao นักเขียนและนักวาดภาพชาวไต้หวัน ฉันรู้จักเขาผ่านหนังสือภาพเล่มโปรด A chance of sunshine หรือ ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา ฉบับภาษาไทยของ ‘ปราย พันแสง นั่นแหละ
เรื่องนี้ทำให้ใครหลายคนต้องตั้งคำถามว่า Do you believe in destiny? ฉันตอบทันทีได้เลยว่าไม่ ฉันเชื่อว่าต้องมีการกระทำของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดขึ้น โอเคเราสองคนอาจจะบังเอิญเจอกันที่ไหนสักแห่ง อาจจะรู้สึกวูบวาบเมื่อได้มองตากัน แต่ถ้าไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเอ่ยปากหรือลงมือทำอะไรสักอย่าง คุณว่าโชคชะตาจะเป็นคนบอกเบอร์โทรศัพท์ของหนุ่มหรือสาวคนนั้นให้คุณเหรอ
ฉันเพิ่งเถียงกับเพื่อนเมื่อไม่นานนี้เองเรื่อง “ความบังเอิญ” “พรมลิขิต” และ “การลงมือทำ” ดังนั้น เมื่อฉันกลับมาอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของ Jimmy Liao ที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ที่ว่า “แม้ว่าโชคชะตาจะสำคัญ แต่ผมก็เชื่อว่า ลักษณะนิสัย ความเคยชินของเรา จะสามารถกำหนดความเป็นไปของชีวิตหรือตัดสินพรหมลิขิตได้มากกว่า” ฉันจึงรู้สึกว่า ใช่เลย!
รวมทั้งเรื่องสั้นขนาดเล็กเกี่ยวกับความรักในหนังสือเล่มนี้ที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ “อรุณรุ่งแห่งโฉมสะคราญร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณว่าคุณจะทำอย่างไรถ้าท่ามกลางฝูงชนมากมาย คุณเห็นคนๆ หนึ่งซึ่งดึงดูดใจคุณเหลือเกิน ย้ำว่า ดึงดูดใจไม่ใช่ดึงดูดทางเพศ อาจจะไม่ใช่รักแรกพบ แค่รู้สึกว่า นี่คือโอกาสที่เราจะได้รู้จัก “ใครสักคน” ที่อาจจะกลายมาเป็น “ใครบางคน” เรื่องนี้จบลงด้วยประโยคที่ว่า “ครับ, เรื่องมันเศร้าตรงที่ผมน่าจะพูดอะไรกับเธอสักคำ”
ถ้าคุณไม่ใช่คนหยุมหยิม ซึ่งสนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คุณอาจจะต้องผ่านหนังสือเล่มนี้ไป
แต่ถ้าคุณสนใจหนังสือ สนใจความรัก สนใจอะไรที่ลึกซึ้งและอยู่ในจินตนาการ คงจะผ่านไปไม่ได้
แต่รอบแรกที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง ฉันไม่รู้สึกประทับใจอะไรมากมาย เพราะฉันอ่านอย่างคร่าวๆ ซึ่งคงทำให้ฉันพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป เมื่อได้กลับมาอ่านอีกครั้ง จึงได้เห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้นว่า มีงานแปลประกอบ มีภาษาไทยบางคำให้สังเกต มีบทวิเคราะห์และเชื่อมโยงบทกวี ผู้คน และความสัมพันธ์ และที่สำคัญฉันชอบ “ความรัก”
ออกตัวก่อนว่าเขียนรีวิวหนังสือไม่เป็นอ่ะค่ะ
ไม่เคยเขียนเลยก็ว่าได้
ส่วนใหญ่อ่านจบก็ชอบคิดต่อจากหนังสือ
บางเล่มไม่ชอบแต่ก็คิดกะเล่มนั้นได้เป็นวันๆ
แต่ส่วนใหญ่อ่านจบ คิดต่อ แล้วก็จบค่ะ
ไม่เคยเอามาเขียนแบบนี้
เอาเป็นว่า อ่านแล้วรู้สึกแบบนี้ ก็เลยเขียนแบบนี้
^^
@number five
Last Update : 15 ตุลาคม 2549 1:48:41 น. 12 comments
Counter : 18 Pageviews.
<<<<<<1
โดย: grappa วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:7:55:53 น.
<<<<<<2
เป็นคนอ่านหนังสือแล้วใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้าวัดเหมือนกัน ชอบหรือไม่ชอบเลยขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่สัมผัสได้
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:8:25:24 น.
<<<<<<3
เอ่อ พรมลิขิต
...
...
สีไรจ๊ะ
...
...
แวะมาอ่านรีวิว ไปก่อนน๊า
โดย: Serendipity_t วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:11:03:02 น.
<<<<<<4
แวะเข้ามาทักทายค่ะ ขอให้มีความสุขกับวันหยุดนะค่ะ
โดย: opleee วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:15:32:55 น.
<<<<<<5
มีเรื่องนี้ให้ยืมด้วยเหรอคะ
โดย: แมวมอมแมม IP: 58.8.140.215 วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:16:06:37 น.
<<<<<<6
แวะมาอ่านรีวิวด้วยคนนะคะ
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:16:14:09 น.
<<<<<<7
ขอยืมจ้าาาาาา....
ป.ล. โตเกียวไม่มีขาตีกลับ ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า ทำไงดีเอ่ยยย ??
(ไปเจอกันที่งานหนังสือดีไหม )
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:0:09:11 น.
<<<<<<8
ชอบเล่มนี้มากเลยค่ะ
เฉพาะเรื่องสั้น "อรุณรุ่งฯ" นี่ก็คุ้มแล้ว
รู้สึกว่าเป็นเล่มที่หยิบมาอ่านไปคิดไปได้เสมอ โรแมนติคยังไงไม่รู้
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:1:29:48 น.
<<<<<<9
เห็นรีวิวหนังสือใหม่ นึกขึ้นได้ว่าของเก่าเราเอามาดองไว้นี่หว่า
ขอโทษนะกั๊บ จะกลับไปอ่านแล้วจริง ๆ
โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:10:32:37 น.
<<<<<<10
เพิ่งอ่านเรื่องอ่านเล่นที่ยืมจากคุณพุดน้ำบุศย์จบ เห็นเล่มนี้ + อ่านรีวิวแล้วอยากอ่านจัง...
เพิ่งรู้ว่ามีใน LIF ด้วยแฮะ
แต่คงไม่ยืมหรอกจ้ะ เดี๋ยวรอสุดสัปดาห์นี้ดีกว่า
โดย: unwell วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:15:21:35 น.
<<<<<<11
ยืมด้วยคนค่ะ
เอ..ต้องไปลงอีกทีที่บล็อกยืมมั้ยคะนี่?
ถ้าต้องก็บอกนะคะ
ยืมๆๆๆๆ ค่ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:18:42:31 น.
<<<<<<12
อ่านจบแล้วครับ ขอบคุณมากที่ให้ยืมหนังสือดีๆ หลายเล่มเลย
อยากอ่านเล่มไหนบ้าง เผื่อผมมีจะได้ให้ยืมครับ
โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:6:50:56 น.